Get In Touch
3803 QiSS Mall, Floor 2 Room A2-201,
Rama IV Rd., Prakanong, Klongtoey,
Bangkok 10110 Thailand
yeeraf.co.th
EN: 080-089-0454 / TH: 097-2312-444
Work Inquiries
[email protected]
EN: 080-089-0454 / TH: 097-2312-444
Back

100 Things Every Presenter Needs to Know About People

Knowledge sharing : สรุปบทเรียนจากหนังสือโดย Susan M. Weinschenk – ถ่ายทอดผ่านมุมมองจิตวิทยาเพื่อการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ


การนำเสนอที่ดีไม่ใช่แค่การพูดให้ครบเนื้อหา แต่คือการสื่อสารให้ผู้ฟังเข้าใจ จำ และอยากมีส่วนร่วม หนังสือ “100 Things Every Presenter Needs to Know About People” ของ Susan M. Weinschenk ได้รวบรวมหลักจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมมนุษย์เพื่อนำมาใช้พัฒนาทักษะการพรีเซนต์ได้อย่างน่าสนใจ

บทความนี้สรุปประเด็นสำคัญ 10 กลุ่มเนื้อหาหลัก พร้อมตัวอย่างเพื่อใช้งานได้จริง


1. คนคิดและเรียนรู้อย่างไร

  • คนเราจดจำภาพได้ดีกว่าคำพูด
  • ชอบข้อมูลที่จัดเป็นหมวดหมู่
  • ทนฟังได้ไม่เกิน 20 นาทีโดยไม่เปลี่ยนโฟกัส
  • การย้ำประเด็นสำคัญช่วยให้จำได้ดีขึ้น
  • ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ฟังมีส่วนร่วม เช่น ตั้งคำถาม

ตัวอย่าง: ใช้ภาพประกอบ + bullet points และปิดสไลด์ด้วยคำถามให้คิด


2. ดึงความสนใจอย่างไร

  • คนเราจดจ่อได้เพียง 7–10 นาที ต้องมีการเปลี่ยนจังหวะ
  • หลีกเลี่ยงหัวข้อทั่วไป เช่น อาหาร เรื่องเพศ หรือเรื่องอันตราย
  • การสร้างความประหลาดใจช่วยกระตุ้นโดพามีน (ฮอร์โมนความสนใจ)
  • ปิดให้เร็วก่อนผู้ฟังเบื่อ – “คุณต้องเลิกพูดก่อนที่คนจะเลิกฟัง”

เทคนิค: ใส่เรื่องเล่า หรือคำถามสุ่มตอบรางวัลระหว่างการนำเสนอ


3. สร้างแรงจูงใจให้ผู้ฟังลงมือทำ

  • ให้ผู้ฟังได้เลือก (เลือกกิจกรรม / วิธีมีส่วนร่วม)
  • แรงจูงใจภายในมีพลังมากกว่าแรงจูงใจภายนอก
  • ค่อย ๆ ทำให้เห็นผลลัพธ์แม้เล็กน้อย ก็ช่วยสร้างแรงผลักดัน

คำแนะนำ: วางกิจกรรมที่ผู้ฟังทำเองได้ เช่น ให้เขียน / ตอบ / ประกาศเจตนา


4. คนฟังและมองเห็นอย่างไร

  • การแสดงสีหน้าและน้ำเสียงมีผลต่อความเข้าใจของผู้ฟัง
  • ดวงตามองเห็นเฉพาะสิ่งที่สมองพร้อมรับรู้
  • สีมีผลต่ออารมณ์ (เช่น สีฟ้าให้ความรู้สึกน่าเชื่อถือ สีแดงเร่งเร้า)

เทคนิค: วางโครงเรื่องให้ชัดเจน และใช้สื่อช่วยเน้นอารมณ์ของเนื้อหา


5. คนตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร

  • หลีกเลี่ยงการนำเสนอหลังอาหาร (ช่วงง่วง)
  • แผนผังห้องและตำแหน่งนั่งมีผลต่อการโฟกัส
  • ผู้ฟังจำนวนบางตาทำให้บรรยากาศตึงเครียด – ควรจัดให้นั่งชิดกันหากผู้ฟังน้อย

แนะนำ: เปิดกล้องถ้าออนไลน์ เพื่อให้รู้สึกมีปฏิสัมพันธ์


6. คนตอบสนองทางอารมณ์อย่างไร

  • อารมณ์มีผลต่อความจำและการตัดสินใจ
  • ผู้ฟังจะลืมเนื้อหาที่พูด แต่ไม่ลืมความรู้สึกที่คุณทำให้เขารู้สึก
  • ความมั่นใจ อารมณ์ดี และความรู้สึกปลอดภัย สร้างประสบการณ์ฟังที่ดี

เคล็ดลับ: ใช้ storytelling เพื่อสร้าง emotional impact


7. ผู้ฟังตอบสนองต่อคุณอย่างไร

  • บุคลิกภาพ ท่าทาง การแต่งกายมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ฟัง
  • เสียงและการเคลื่อนไหวมือช่วยเสริมอำนาจการพูด
  • คนเราตัดสินผู้อื่นภายในไม่กี่วินาทีแรก

คำเตือน: อย่าประเมิน “การยิ้มและสบตา” ต่ำเกินไป


8. คนตัดสินใจลงมือทำอย่างไร

  • การให้เลือกหลากหลายทางเลือก ช่วยให้คนรู้สึกมีอิสระ
  • ความกลัวการสูญเสียมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากกว่าความหวังได้กำไร
  • การเขียน หรือพูดประกาศออกมา ช่วยเพิ่มความรู้สึกผูกพันกับการกระทำ

ตัวอย่าง: ให้ผู้ฟังจดว่า “หลังจากจบ session นี้ ฉันจะลอง…”


9. ปรับแต่งการนำเสนออย่างไร

  • ต้องกำหนดให้ชัดว่าอยากให้ผู้ฟังทำอะไรหลังจบ
  • เริ่มจากปัญหา > ปัจจุบัน > แนวทางแก้ > ข้อเสนอ
  • สรุปให้ครบทุกอย่างใน 1 นาทีแรก เพื่อดึงความสนใจ

คำแนะนำ: ฝึกสรุป session เป็น elevator pitch ที่ใช้เปิดการพูด


10. พัฒนาอย่างไรภายใน 90 วัน

  • ฝึกพูด 3–5 นาทีทุกวันและบันทึกตัวเอง
  • จดข้อดี 5 ข้อ และข้อที่ต้องปรับ 2 ข้อ
  • ดูตัวอย่างที่ดีจาก TED / YouTube แล้วจำลองซ้ำ
  • ฝึกบ่อย = พัฒนาเร็ว

คติ: “ความรู้ไม่ใช่ทักษะ – แต่ความรู้ + การซ้อมซ้ำ = ทักษะ”


สรุป

การนำเสนอที่ดี ไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจผู้ฟัง และรู้ว่าควรออกแบบเนื้อหา ท่าที และวิธีถ่ายทอดอย่างไร

ทุกนาทีที่คุณพูดบนเวที ควรเป็นผลลัพธ์จากชั่วโมงแห่งการเตรียมตัว

และจงจำไว้ว่า: “คนจะลืมสิ่งที่คุณพูด แต่จะไม่ลืมว่าคุณทำให้เขารู้สึกอย่างไร”

Preloader image