
ทำไมต้องออม?
การออมเป็นรากฐานสำคัญของการมีอิสรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะในยุคที่ภาวะเงินเฟ้อส่งผลต่อมูลค่าของเงินในระยะยาว หากไม่มีการวางแผนการออมล่วงหน้า ย่อมกระทบต่อเป้าหมายสำคัญ เช่น เกษียณอายุ การลงทุน การรักษาพยาบาล หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่คาดไม่ถึง
การเปรียบเทียบกับ “ตู้ปลา” ทำให้เห็นภาพง่ายขึ้น: เงินเดือนของเราคือปริมาตรของน้ำในตู้ ส่วนปลาคือรายจ่ายในแต่ละวัน หากขนาดของตู้เปลี่ยนไป (เช่น เงินเดือนลดลง) แต่พฤติกรรมการใช้เงินยังเท่าเดิม ย่อมไม่สามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว
เงินเฟ้อคืออะไร?
เงินเฟ้อคือภาวะที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มูลค่าของเงินลดลงเมื่อเทียบกับระยะเวลา หากไม่มีการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ค่าเงินในมือจะค่อย ๆ เสื่อมมูลค่าลง เช่น เงิน 100 บาทในวันนี้ อาจซื้อของได้น้อยลงในอีก 5 ปีข้างหน้า
นักลงทุน vs นักเล่นหุ้น
Benjamin Graham ผู้เขียนหนังสือ “The Intelligent Investor” ได้แบ่งผู้ที่อยู่ในตลาดหุ้นออกเป็น 2 กลุ่ม:
- Investor: ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนลงทุน, มองระยะยาว, พิจารณาปัจจัยพื้นฐาน
- Trader: มองระยะสั้น, ซื้อ–ขายตามกระแส, ตัดสินใจจากความเคลื่อนไหวของราคาในตลาด
แนวคิดของ Graham คือ นักลงทุนควรลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ มีการศึกษาข้อมูลมาอย่างรอบคอบ ไม่ใช่เพียงการคาดเดาทิศทางของตลาด
พฤติกรรมของ Defensive Investor
Graham แนะนำให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่นักลงทุนมืออาชีพยึดแนวทางของ “Defensive Investor” หรือผู้ลงทุนเชิงป้องกัน โดยมีลักษณะดังนี้:
- ลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง
- เลือกสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น กองทุนดัชนี หุ้นพื้นฐานดี
- ใช้วิธี Dollar Cost Averaging (DCA) ลงทุนในจำนวนที่เท่า ๆ กันเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการตัดสินใจจากอารมณ์หรือกระแสตลาดระยะสั้น
- ทบทวนพอร์ตการลงทุนเป็นระยะ และปรับอัตราส่วนตามกลยุทธ์ เช่น 75% ลงทุน / 25% ฝากประจำ
แผนการลงทุน: แนวทางของ Defensive Investor
ตัวอย่างแผนการลงทุนเชิงป้องกัน:
- แบ่งเงินออมเป็น 75% สำหรับลงทุน และ 25% สำหรับเงินฝาก
- ทุกสิ้นปี ตรวจสอบมูลค่าพอร์ต หากอัตราส่วนเปลี่ยนแปลง เช่น หุ้นขึ้นมาก ให้ขายบางส่วนเพื่อนำเงินกลับไปฝาก (Rebalance)
- หลัก Buy Low / Sell High ใช้ข้อมูลเช่นช่วงราคา 52 สัปดาห์ย้อนหลังมาช่วยประกอบการตัดสินใจ
การเตรียมความพร้อมก่อนลงทุน
ก่อนเริ่มลงทุนอย่างเป็นระบบ ควรดำเนินการพื้นฐาน 5 ข้อนี้ก่อน:
- มีเงินสำรองฉุกเฉิน (Emergency Fund)
- ปิดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง
- จัดทำงบประมาณรายรับ–รายจ่าย
- ทำประกันสุขภาพ/ชีวิตพื้นฐาน
- เริ่มวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ
ทำความเข้าใจตัวชี้วัดทางการเงินพื้นฐาน (Financial Metrics)
การอ่านงบการเงินเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญของนักลงทุน โดย Graham แนะนำให้พิจารณาค่าต่าง ๆ เช่น:
- P/E Ratio (Price to Earnings): บอกระดับราคาหุ้นเทียบกับกำไร
- EPS (Earnings per Share): กำไรสุทธิต่อหุ้น
- P/BV (Price to Book Value): ราคาต่อมูลค่าทางบัญชี
- D/E Ratio (Debt to Equity): ความสามารถในการบริหารหนี้
- Free Cash Flow: เงินสดที่บริษัทสามารถนำไปลงทุนต่อได้
ดัชนีที่ควรเข้าใจ: S&P 500 vs SET50
- S&P 500 Index: ดัชนีของหุ้นขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ใช้เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจโดยรวม
- SET50: ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งสองดัชนีเหมาะกับการลงทุนแบบ Passive ผ่านกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) หรือ ETF ซึ่งเข้ากับแนวทางของ Defensive Investor
สรุปแนวคิดหลักจาก The Intelligent Investor
- ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ และมีข้อมูลรองรับอย่างถี่ถ้วน
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวตามตลาดระยะสั้น หรือข่าวลือ
- วางแผนอย่างมีวินัย ใช้กลยุทธ์ DCA และปรับพอร์ตสม่ำเสมอ
- เลือกลงทุนผ่านกองทุนที่มีผลประกอบการระยะยาวที่มั่นคง และมีการบริหารจัดการมืออาชีพ
- พิจารณาความเสี่ยงก่อนผลตอบแทนเสมอ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Knowledge Sharing โดยบริษัท ยีราฟ จำกัด เพื่อแบ่งปันแนวคิดทางการเงินที่เป็นระบบ และเสริมสร้างวินัยการลงทุนให้กับบุคลากรทุกระดับในองค์กร