การเขียน Content แบบ E-E-A-T สำคัญยังไงในยุค SGE

ในยุคที่ Search Generative Experience (SGE) หรือ AI Search เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นใน Google และแพลตฟอร์มอื่น ๆ การทำ SEO แบบเดิมอาจไม่พออีกต่อไป
Google จึงยกระดับการประเมินคุณภาพของเนื้อหาให้เข้มข้นขึ้นด้วยหลักการ E-E-A-T ซึ่งย่อมาจาก Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness และกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ นักเขียน Content และ สายการตลาดออนไลน์ ต้องเข้าใจและปรับตัวให้ทัน
E-E-A-T คืออะไร?
- Experience – เขียนจากประสบการณ์จริง เช่น รีวิวจากผู้ใช้หรือผู้ทำงานด้านนั้น
- Expertise – ความเชี่ยวชาญในหัวข้อนั้น เช่น เขียนโดยนักบัญชีจริง เมนูอาหารโดยเชฟ
- Authoritativeness – มีแหล่งอ้างอิง มีชื่อเสียงในวงการ
- Trustworthiness – น่าเชื่อถือ ทั้งเนื้อหา การอ้างอิง และแหล่งที่มา
SGE คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ?
Search Generative Experience เป็นการใช้ AI สรุปคำตอบให้กับผู้ใช้งานในหน้าผลการค้นหาแบบเรียลไทม์ เช่น การโชว์บทสรุปพร้อมลิงก์อ้างอิงด้านบนสุดของ Google Search
เว็บไซต์ที่ เนื้อหาดี, มีโครงสร้าง, มีความน่าเชื่อถือ จะมีโอกาสถูกดึงไปแสดงผลในช่อง SGE มากขึ้น
เขียน Content ยังไงให้เข้าหลัก E-E-A-T + SGE
- เขียนจากมุมมองจริง เช่น รีวิวที่คุณเคยใช้/เคยทำ
- ใส่ชื่อผู้เขียน + ตำแหน่ง เช่น “โดย นาย A | SEO Specialist ที่ Yeeraf”
- อ้างอิงแหล่งข้อมูล เช่น ลิงก์จากองค์กร, งานวิจัย หรือคู่มือ Google
- จัดโครงสร้างเนื้อหา เช่น H1 → H2 → Bullet → Highlight เพื่อให้ AI เข้าใจได้ง่าย
- ใส่ Structured Data เช่น JSON-LD ประเภท FAQPage หรือ Article
เช็คตัวเองแบบง่าย ๆ ว่าเนื้อหามี E-E-A-T ไหม
- บทความนี้เขียนโดยผู้มีประสบการณ์ตรงหรือไม่?
- บทความมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไหม?
- บทความนี้มีที่มาที่น่าเชื่อถือหรือไม่?
- บทความมีการอ้างอิงหรือไม่?
- เว็บไซต์โดยรวมมีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
FAQ – คำถามพบบ่อย
- E-E-A-T สำคัญต่อ SEO แค่ไหน?
มาก เพราะเป็นหลักในการประเมินคุณภาพของ Google - ถ้าไม่มีชื่อผู้เขียนจะกระทบ SEO ไหม?
อาจทำให้เนื้อหาไม่น่าเชื่อถือ ลดโอกาสติดอันดับใน SGE - Content สำหรับ AI Search ต่างจาก SEO เดิมยังไง?
เน้นการสื่อสารให้ AI เข้าใจมากขึ้น เช่น การใช้โครงสร้าง, JSON-LD